กลูต้าไธโอนอันตรายไหม ขาวได้จริงหรือไม่ ?

มาหาคำตอบกันว่า กลูต้าไธโอนอันตรายไหม แล้วฉีดผิวขาวราคาเท่าไหร่ ? (อัปเดต2024)

ผิวขาวกระจ่างใส สุขภาพดี ด้วยโปรแกรม Zenith Premium Glutathioneนวัตกรรมการให้กลูตาไธโอนเข้มข้นสูงทางหลอดเลือดดำโดยตรง ช่วยบำรุงผิวขาวกระจ่างใส และขับสารพิษในตับ สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

กลูตาไธโอน (Glutathione) คืออะไร?

กลูตาไธโอน คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์ สามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถพบกลูตาไธโอนได้ในทุกเซลล์ของร่างกายมีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลาย โดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย สร้างและซ่อมแซม DNA กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย

แต่เมื่ออายุมากขึ้น หรือเผชิญกับมลภาวะ ร่างกายก็จะผลิตกลูตาไธโอนได้น้อยลงทำให้เกิดอนุมูลอิสระสะสม และทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ และริ้วรอยการให้กลูตาไธโอนเข้าสู่ร่างกายโดยตรง จะช่วยเพิ่มระดับกลูตาไธโอนในร่างกายช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น

ฉีดกลูต้าไธโอน ผิวขาวจริงไหม ?

การที่จะพิสูจน์ว่า Glutathione ทำให้ขาวจริงไหม เรามาทำความรู้จักกับประเภทของเม็ดสีในร่างกายกันก่อน

โดยปกติร่างกายคนเราจะสร้างเซลล์เม็ดสีเมลานิน (Melanin) อยู่ 2 ชนิด

1. ยูเมลานิน (Eumelanin)

มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบ ลักษณะเป็นสีดำ โดยทั่วไปจะพบในรูปแบบสารมีสีที่อยู่ในผิวหนังมนุษย์ เช่น เส้นผม ขนตามร่างกาย และ เซลล์ผิวหนัง โดยยูเมลานิน แบ่งเป็น 2 แบบ คือ ยูเมลานินสีดำจะให้สีดำเมื่อมีเม็ดสีนี้มากและให้สีเทาถ้ามีปริมาณน้อย ยูเมลานินสีน้ำตาลจะทำให้เส้นผมมีสีน้ำตาลเมื่อมีปริมาณมาก แต่ถ้าน้อยจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือสีบรอนด์ ยูเมลานินสีน้ำตาลจะพบมากในชาวยุโรป

2. ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin)

มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบ ลักษณะเป็นสีดำ โดยทั่วไปจะพบในรูปแบบสารมีสีที่อยู่ในผิวหนังมนุษย์ เช่น เส้นผม ขนตามร่างกาย และ เซลล์ผิวหนัง โดยยูเมลานิน แบ่งเป็น 2 แบบ คือ ยูเมลานินสีดำจะให้สีดำเมื่อมีเม็ดสีนี้มาก และให้สีเทาถ้ามีปริมาณน้อย ยูเมลานินสีน้ำตาลจะทำให้เส้นผมมีสีน้ำตาลเมื่อมีปริมาณมาก แต่ถ้าน้อยจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือสีบรอนด์ ยูเมลานินสีน้ำตาลจะพบมากในชาวยุโรป

ปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อการสร้างเม็ดสีนั้น มาจากพันธุกรรม ฮอร์โมนและแสงแดด การเกิดจุดด่างดำที่ผิวหน้า ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เกิดจากเมลานินอาจมีปัญหา ทำให้เกิดความผิดปกติของเม็ดสี ซึ่งอาจจะเป็นเพียงอาการปกติเบื้องต้นไป จนถึงระดับร้ายแรงก็ได้ เมื่อร่างกายของเราได้รับกลูตาไธโอนในปริมาณมาก เนื่องจากกลูตาไธโอนสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ได้ก็ส่งผลให้การส้รางยูเมลานินน้อยลง และมีการสร้างฟีโอเมลานินเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ผิวพรรณดูขาวขึ้น

มีงานวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากที่สนับสนุนประสิทธิภาพของกลูตาไธโอนในการทำให้ผิวขาวกระจ่างใส เช่น การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Dermatology and Therapy พบว่าการให้กลูตาไธโอนทางหลอดเลือดดำช่วยลดเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ทำให้ผิวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตามกลูตาไธโอนไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางพันธุกรรมของเซลล์เม็ดสีได้และเมื่อเวลาผ่านไปผิวก็จะกลับมาคล้ำเหมือนเดิม

ข้อดีของกลูตาไธโอน (Glutathione)

1. ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส

2. ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำ

3. ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย

4. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ

กลูตาไธโอน (Glutathione) ฉีดกี่ครั้งเห็นผล? อยู่ได้นานแค่ไหน?

กลูตาไธโอน (Glutathione) กี่ครั้งเห็นผล?

ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล บางคนอาจมีผิวที่ไวต่อสารที่ฉีดมากกว่าบางคน ทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ง่าย บางคนอาจเห็นผลเร็ว บางคนอาจเห็นผลช้าขึ้นอยู่กับสภาพผิว สุขภาพ และการเผาผลาญของร่างกาย หรือแม้แต่การดูแลตัวเองหลังฉีด

กลูตาไธโอน (Glutathione) อยู่ได้นานแค่ไหน?

การที่ผิวขาวขึ้นเป็นผลข้างเคียงของกลูตาไธโอน อย่างไรตาม การฉีดวิตามินผิวขาว ไม่สามารถทำให้ผิวขาวขึ้นถาวร เมื่อหยุดฉีดผิวก็จะค่อยๆ กลับมาเป็นสีเดิม โดยแพทย์มักแนะนำให้ฉีด สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ประมาณ 5 ครั้ง หลังจากนั้นสามารถปรับระยะห่างการฉีด เป็น 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง หรือเดือนละ 1 ครั้งขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการ

การดูแลตัวเองหลังฉีดกลูตาไธโอน

ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดด ดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนได้เพียงพอหากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ควรฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ประกอบกับดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ