NAD+ Therapy คืออะไร?
ทำงานหนัก จนลืมใส่ใจเรื่องสุขภาพของตัวเองอยู่หรือเปล่า? รู้ตัวอีกทีก็มีปัญหาสุขภาพตามมา นอนไม่หลับ เครียดสะสม มาเติม 𝐍𝐀𝐃+ ช่วยได้นะ

สารบัญ
NAD+ Therapy คืออะไร ?
NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินบีในรูปโคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ภายในเซลล์ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน การซ่อมแซมเซลล์ และการทำงานของสมอง
ทำไมควรทำ NAD+ Therapy
แม้ว่าร่างกายจะสามารถผลิตNAD+ ได้เอง แต่ระดับNAD+ จะค่อยๆ ลดลงตามอายุ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ ทำให้เกิดความเสื่อมของอวัยวะอันเป็นสาเหตุของความแก่ชราอย่างรวดเร็ว รวมถึงการทำงานของสมอง ความจำเสื่อม สมาธิลดลง ดังนั้น การเพิ่มระดับNAD+ ในร่างกายจะช่วยให้เซลล์กลับมาแข็งแรง และช่วยให้ความจำดีขึ้น

เมื่ออายุ 50 ปี NAD+จะเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของ NAD+ ตอนอายุ 20 ปี และจะเหลือเพียง 1-10% เมื่ออายุ 80 ปี การสูญเสีย NAD+ ไปตามอายุขัย เมื่อระดับ NAD+ ลดลง
NAD+ Therapy ดีอย่างไร ?
– ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ได้ลึกถึงระดับ DNA
– เพิ่มระดับการทำงานของร่างกาย และช่วยลดความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี
– ชะลอวัย ลดเลือนความแก่ ริ้วรอยแห่งวัย
– ฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและสมอง
– เพิ่มการส่งสัญญาณต่อเซลล์ภูมิคุ้มกัน
– ช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำหนักลด ผิวสวย สุขภาพดี
– ลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย
– ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
– เพิ่มพลังงานสมอง ทำให้เซลล์สมองทำงานได้อย่างเต็มที่
– กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ สุขภาพแข็งแรงขึ้น
– ฟื้นฟูสภาพผิว ให้กลับมาเปล่งปลั่ง กระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์
– ช่วยเรื่องการมองเห็นดีขึ้น
NAD+ Therapy ควรทำกี่ครั้ง ?
คำถามที่ว่า “ควรทำ NAD+ Therapy กี่ครั้ง” นั้นไม่มีคำตอบที่ตายตัว เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:
– อายุ: ผู้สูงอายุอาจต้องการทำบ่อยกว่าวัยรุ่น เนื่องจากระดับ NAD+ ลดลงตามอายุ
– สุขภาพโดยรวม: ผู้ที่มีโรคประจำตัวอาจต้องการทำบ่อยขึ้น เพื่อช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพ
– เป้าหมายในการรักษา: หากต้องการฟื้นฟูจากความเจ็บป่วย อาจต้องทำบ่อยขึ้น แต่ถ้าต้องการป้องกันความเสื่อมของร่างกาย อาจทำเป็นครั้งคราวก็เพียงพอ
– ปริมาณ NAD+ ที่ได้รับ: ปริมาณ NAD+ ที่ได้รับในการบำบัดแต่ละครั้งก็มีผลต่อจำนวนครั้งที่ต้องทำ
– การตอบสนองต่อการรักษา: แต่ละบุคคลมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกัน
โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะแนะนำจำนวนครั้งที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล ซึ่งอาจเริ่มจากการทำเป็นคอร์ส เช่น 5-10 ครั้ง ติดต่อกัน แล้วจึงทำเป็นครั้งคราวเพื่อบำรุงร่างกายให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนาน
โดยมีขั้นตอนการทำ NAD+ Therapy ดังนี้
1. แพทย์ตรวจร่างกายคนไข้เบื้องต้น และซักประวัติ
2. ระหว่างที่ทำ NAD+ Therapy พนักงานจะคอยดูแล และตรวจเช็คความเรียบร้อย ถ้ามีอาการปวด บวมบริเวณที่ทำหัตการ สามารถแจ้งพนักงานได้ตลอดเวลา
3. ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ต่อครั้ง
ใครบ้างที่ต้องทำ NAD+ Therapy ?
– ผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงาน
– ผู้ที่ต้องการชะลอความเสื่อมของร่างกาย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ
– ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและสมอง
– ฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและสมอง
– ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ
– ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล เครียด
– ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
– ผู้ที่ต้องการช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญสารอาหารให้ได้พลังงาน
– ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
– ผู้ที่มีปัญหาภูมิต้านทานต่ำ เช่น ภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นต้น
– ผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการลดน้ำหนักและการเผาผลาญอาหาร
– ผู้ที่มีปัญหาไขมันและน้ำตาลในเลือดสูง
– ผู้ที่มีความอ่อนล้า อ่อนเพลียสะสม
NAD+ Therapy มีผลข้างเคียงไหม ?
ผลข้างเคียงของ NAD+ Therapy ส่วนใหญ่มักเป็นผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ เวียนหัว หรืออาการแพ้
ข้อควรระวัง
1. ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ NAD Therapy
2. ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคไต หรือโรคตับ หรือผู้ที่แพ้ส่วนผสมในสารละลาย และอาจจะต้องระวังในผู้ป่วยมะเร็งที่ให้เคมีบำบัดอยู่
3. ห้ามให้ในสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
การดูแลตัวเองหลังทำ NAD+ Therapy
หลังจากทำ NAD+ Therapy แล้ว การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบำบัด และช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ดังนี้
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
เหตุผล: การดื่มน้ำช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย และช่วยให้ NAD+ กระจายไปทั่วร่างกายได้ดีขึ้น
ปริมาณ: ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
เหตุผล: อาหารที่มีประโยชน์จะช่วยเสริมสร้างเซลล์และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
อาหารที่ควรทาน: ผักใบเขียว ผลไม้สด โปรตีนจากปลา ไก่ และธัญพืช
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง: อาหารแปรรูป อาหารขยะ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
เหตุผล: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมเซลล์และฟื้นฟูพลังงาน
ระยะเวลา: ควรนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เหตุผล: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต และช่วยให้ NAD+ กระจายไปทั่วร่างกายได้ดีขึ้น
ชนิดของการออกกำลังกาย: สามารถเลือกกิจกรรมที่ชอบ เช่น การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือโยคะ
5. หลีกเลี่ยงสารเสพติด
เหตุผล: สารเสพติด เช่น บุหรี่ และแอลกอฮอล์ อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ NAD+ Therapy และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: บุหรี่ แอลกอฮอล์ และสารเสพติดอื่นๆ
6. ลดความเครียด
เหตุผล: ความเครียดสามารถลดประสิทธิภาพของการบำบัดได้ ควรหาทางผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การฟังเพลง หรือการอาบน้ำอุ่น
7. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
เหตุผล: แพทย์ผู้ดูแลจะเป็นผู้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สรุป
NAD Therapy เป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ หากสนใจที่จะลอง NAD Therapy สามารถปรึกษาแพทย์ที่คลินิก The Zenith Clinic ของเราได้

69, 14-16 ถ. พญาไท แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
Social media
Excellent site. Plenty of helpful information here. I am sending it to several buddies ans also sharing in delicious. And certainly, thanks on your effort!