สาเหตุฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อนเป็นลำ ไม่เรียบเนียน ?

1. เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้อง โดยฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้นผิว ผิดตำแหน่ง เช่น ฉีดฟิลเลอร์ชั้นตื้นเกินไป วางฟิลเลอร์อยู่เหนือกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อมีการขยับ/แสดงสีหน้า ยิ้ม ก็จะดันฟิลเลอร์ขึ้นมาเห็นเป็นก้อน

2. เลือกใช้ของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม กับตำแหน่งบริเวณที่จะฉีด ซึ่งก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะต้องได้รับการประเมินก่อนว่ามีปัญหาในชั้นผิวไหน ควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อแบบไหน เพื่อให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหา โดยฟิลเลอร์แบ่งชนิดตามเนื้อฟิลเลอร์ออกเป็น 3 ชนิด

• ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม

เนื้อมีความยืดหยุ่น หรือการคงรูปที่ต่ำ จึงค่อนไปทางเหลว สำหรับฉีดบริเวณที่ผิวบาง และไม่ต้องการปริมาตร หรือไม่ต้องการให้เป็นก้อน ๆ ต้องการให้ผิวเรียบ ไม่บวม เช่น ใต้ตา ร่องน้ำตา หรือ ฉีดในผิวที่บาง มีริ้วรอยที่เกิดจากชั้นผิวและชั้นไขมันลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ด้วยเทคนิคการฉีดกระจายให้ทั่ว ๆ เนื้อผิวที่บาง หรือฉีดเหมือนเติมน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เรียกเทคนิคนี้ว่า Skin booster หรือ Skin radiance

• ฟิลเลอร์เนื้อกลาง

เนื้อที่แข็งที่มีความยืดหยุ่น ออกไปทางนิ่ม จึงขอเรียกว่า ฟิลเลอร์เนื้อกลาง เหมาะกับการฉีดในคนผิวบาง อยากเติมเต็มใต้ตา แต่ยังให้คงความเป็นธรรมชาติ

• ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง

เนื้อแข็งที่เราต้องการใช้ฉีดขึ้นทรงใบหน้าให้สวย มักใช้ในการยกพยุงโครงสร้าง โดยทดแทนกระดูกหรือไขมันชั้นลึกที่ฝ่อไปตามอายุ รวมถึงใช้แก้ไขบริเวณร่องลึกต่างๆ

3. ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากเกินไป ทำให้สามารถเกิดเป็นก้อน บวม หรือ ใบหน้าไม่เป็นธรรมชาติได้ โดยแต่ละบุคคลคนนั้นใช้ปริมาณไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหา จึงต้องได้รับคำแนะนำ และการประเมินจากแพทย์ก่อนฉีดเป็นรายบุคคล โดยทั่วไปจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาประมาณ 1 – 4 CC กรณีที่ร่องใต้ตาไม่ลึกมากส่วนใหญ่จะใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม 1-2 cc ถ้าร่องลึกมากจะใช้ฟิลเลอร์เนื้อกลางหรือแข็งเพื่อยกพยุงโครงสร้างชั้นลึก 2-4 cc จะทำให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติกว่า

4. การนวด คลึง บริเวณที่ฉีด ทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวไปยังคนละตำแหน่งหรือคนละชั้นผิว โดยเฉพาะช่วย 7 วันแรก

5. ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด

6. อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ โดยปรกติหลังฉีดฟิลเลอร์อาจจะมีอาการบวมได้บ้าง ถ้าบวมเล็กน้อยไม่เยอะจะประมาณ2-3วัน ขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์และเทคนิคของการฉีดด้วย โดยปกติแล้วฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่อยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน ในระหว่างนี้คนไข้อาจจะต้องรอให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดมายุบบวมก่อนหลัง7-14 วันเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นอาการบวมหรือฟิลเลอร์ที่เติมมาเป็นก้อน

7.ภาวะผิดปกติบางอย่างของร่างกาย เช่น การเจ็บป่วย มีการอักเสบในร่างกาย การติดเชื้อ ฉีดวัคซีนบางชนิด ทำให้ฟิลเลอร์บวมขึ้นมาได้ แม้ภาวะเหล่านี้จะเกิดในภายหลังก็ทำให้บริเวณดังกล่าวบวมได้

8. ฉีดฟิลเลอร์ปลอม เช่น สารที่ไม่ได้รับการรับให้ใช้ในการเติมบริเวณผิวหนัง เช่น Silicone เหลว, Paraffin เป็นสารเติมเต็มชนิดที่ไม่สามารถสลายตัวได้เองหรือไม่ผ่านการรับรองจากองการอาหารและยา (อย.) สารประเภทนี้ราคาถูกแต่ไม่มีประสิทธิภาพ ช่วงแรกหลังฉีดสลายฟิลเลอร์ อาจจะสวยงามเรียบเนียนดี แต่หลังจากนั้นต่อมาจะเกาะกลุ่มเป็นก้อนไหลและห้อยย้อยไม่เป็นทรงไม่เป็นรูปร่างเหมือนเก่า นอกจากนี้อาจจะเกิดการอักเสบติดเชื้อ ทำให้หน้าเสียหายได้ ดังนั้นจึงไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ประเภทนี้เด็ดขาด เพราะไม่มีตัวยาที่จะมาฉีดสลายออกได้ เมื่อมีปัญหาจะต้องทำการขูดออกหรือศัลยกรรมผ่าตัดออกเท่านั้น แก้ไขได้ยาก มีโอกาสที่จะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม และ เสียค่าใช้จ่ายมากอีกด้วย

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการฉีดสลายฟิลเลอร์

• อาการบวม แดง ช้ำ ในบริเวณที่ฉีด

• อาการแพ้ (พบได้น้อยมาก)

• ผิวหนังบริเวณที่ฉีดอาจดูบางลง

• การฉีดสลายฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น การอุดตันของเส้นเลือด